love-amulet

พระสูตร ของ หลวงพ่อผินะ วัดพระสนมลาว เสริมอำนาจบารมี

SOLD OUT
฿0.00
พุทธคุณครอบจักรวาลครับ และมีเทวดารักษาอยู่12องค์ หลวงพ่อผินะ ปิยธโร สมัยที่ท่านดำรงธาตุขันธ์อยู่ ท่านได้แสดง อิทธิปาฏิหาริย์ ให้ลูกศิษย์ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ แก่สายตาอยู่บ่อยครั้ง
เหลือ 0 ชิ้น
  • หมวดหมู่ : เครื่องรางเก่าหายากในตำนาน
  • รหัสสินค้า : 001556

รายละเอียดสินค้า พระสูตร ของ หลวงพ่อผินะ วัดพระสนมลาว เสริมอำนาจบารมี

ตำนาน ขุนแผนปางปราบพระยาชมพูบดีหรือปางทรงเครื่อง ปางนี้ถือเป้นปางที่จัดเต็มที่สุด ไม่ว่าฤทธื์เดช มหาอำนาจ และโภคทรัพย์ เอาเป็นว่าใส่แล้วครบเครื่อง เพราะคือปางมหาจักรพรรดิ์ แล้วพระพุทธเจ้าทำไมแต่งองค์ทรงเครื่องขนาดนั้น?? มันมีที่มาครับ

พระพุทธรูปปางปราบหรือโปรดพระยาชมพูบดี ทรงเครื่องต้นแบบพระมหากษัตริย์ไทย บางแห่งจึงเรียกว่าปางทรงเครื่อง นับเป็นปางที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มีคุณวิเศษมากมีตำนานโดยย่อคือในปฐมโพธิกาล มีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าพระยาชมพูบดี ครองเมืองปัญจาลนคร วันหนึ่งในคืนเดือนเพ็ญ พระยาชมพูบดีทอดพระเนตรเห็นดวงจันทร์งามสว่างอยู่กลางฟ้า ทรงเปรียบเทียบพระองค์ว่าควรจะมีเดชานุภาพ ยิ่งกว่ากษัตริย์ทั้งหมดในชมพูทวีป เหมือนพระจันทร์ที่มีรัศมีข่มดาวกระนั้น ทรงเบิกบานพระทัยเป็นอันมาก ฉลองพระบาทแก้วเหาะไปในอากาศทอดพระเนตรดูหัวเมืองทั้งหลายในชมพูทวีป 
ครั้นเสด็จถึงพระนครราชคฤห์ ทรงเห็นยอดปราสาทสูงสล้างงามยิ่งนักก็จินตนาการรำพึงว่าปราสาทของใครหนอ งามยิ่งกว่าปราสาทของเรา และก็ทรงพิโรธด้วยความริษยา จึงได้เสด็จลงมายกพระบาทขึ้นกระทืบเพื่อจะให้หักสลายลง แต่ด้วยอานุภาพของพระผู้มีพระภาคเจ้าคุ้มครองรักษา ในฐานะที่พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระอริยสาวก เป็นผู้เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างใกล้ชิด ยอดปราสาทของพระองค์ก็ไม่รู้สึกกระเทือน ดูประหนึ่งว่าเป็นเหล็กกล้าสามารถต่อต้านการกระทบกระแทกอันรุนแรงได้ทุกประการพระยาชมพูบดีกระทืบจนพระบาทแตก โลหิตไหลโทรมมีความเจ็บปวดยิ่ง ทรงพิโรธชักพระขรรค์ออกฟันยอดปราสาทก็มิได้หวั่นไหว หนำซ้ำพระขรรค์กลับหักงอ พระยาชมพูบดีเก็บความโกรธกลับพระนคร แล้วทรงใช้วิษศรให้ไปพาตัวกษัตริย์ในนครราชคฤห์มาโดยเร็ว วิษศรผู้มีฤทธิ์โลดแล่นไปในอากาศ ส่งเสียงร้องกัมปนาทเป็นที่หวั่นหวาดของคนและสัตว์ทั่วไปที่ได้ยิน พระเจ้าพิมพิสารสดับเสียงร้องของวิษศรก็ตระหนกพระทัยกลัว รีบเสด็จออกจากปราสาทไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่พระเวฬุวันวิหารแต่เช้าตรู่เพื่อขอประทานความคุ้มครอง เมื่อวิษศรมาถึงก็ค้นหาพระเจ้าพิมพิสารจนทั่วทั้งปราสาทราชวัง เมื่อไม่พบก็อาละวาด
ทำลายฉัตรกระจัดกระจายแล้วเร้นกายไปยังพระเวฬุวันวิหาร แผดเสียงสะเทือนสะท้านน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ครั้นผู้มีพระภาคเจ้าเห็นวิษศรเข้ามารุกรานก็ทรงนิรมิตพุทธจักรแล้วส่งให้ออกไปขับไล่ พุทธจักรมีอานุภาพยิ่งกว่า แล่นออกไปไล่ทุบวิษศรจนสิ้นฤทธิ์พ่ายแพ้กลับคืนเข้าแล่งศรพระยาชมพูบดี ฝ่ายพระยาชมพูบดี เมื่อเห็นวิษศรพ่ายแพ้มาอย่างยับเยินเช่นนั้นก็โทมนัส ถอดพระบาทแก้วออกทั้งคู่ สั่งให้ออกไปมัดพระเจ้าพิมพิสารแล้วเอาตัวมา ฉลองพระบาททั้งคู่กลายเป็นพระยาวาสุกรีเลื้อยไปในนภากาศส่งเสียงดังสนั่นเหมือนฟ้าร้อง ครั้นถึงเมืองราชคฤห์ก็ตรงเข้าค้นหาพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อไม่พบก็พากันทำลายราชบัลลังก์เสียย่อยยับแล้วแล่นปราดติดตามหา
พระเจ้าพิมพิสารไปยังเวฬุวันวิหาร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นนาคราชของพระยาชมพูบดีติดตามมารุกรานเช่นนั้น ทรงนิรมิตพญาครุฑให้โบยบินออกไปขับไล่ หลังจากนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาอุปนิสัยของพระยาชมพูบดี ทรงเห็นว่าควรจะบรรลุพระอริยผลชั้นสูงได้ จึงตรัสเรียกท้าวสักกะเทวราช ให้มาเฝ้าแล้วทรงแจ้งพระประสงค์จะทรมานพระยาชมพูบดี

ท้าวสักกะเทวราชทราบพระประสงค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จัดแจงจำแลงเพศเป็นราชทูตที่สง่างามด้วยอาภรณ์วิจิตร เสด็จไปปรากฏกายยังปราสาทหน้าพระพักตร์พระยาชมพูบดีท่ามกลางอำมาตย์ราชบริพาร แล้วเปล่งสุรเสียงทูลว่า “ดูก่อน พระยาชมพูบดี บัดนี้พระเจ้าราชาธิราชเจ้านายของข้าพเจ้ามีพระบัญชาให้ข้าพเจ้าเชิญตัวท่านไปในวันนี้” พระยาชมพูบดีพิโรธราชทูตที่เจรจาไม่เคารพนบนอบ ข้วางจักรแก้วให้ไปประหารชีวิต แต่ราชทูตหรือท้าวสักกะเทวราชทรงขว้างจักรของพระองค์ออกไปกำจัด เกิดการต่อสู้กันด้วยฤทธิ์ ในที่สุดพระยาชมพูบดีก็พ่ายแพ้ รับจะยอมทำตามประสงค์ ท้าวสักกะเทวราชก็ทรงให้เวลาพระยาชมพูบดี 3 วัน จะต้องไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นถึงวันกำหนด พระยาชมพูบดีเสด็จขึ้นช้างพระที่นั่งพร้อมด้วยจตุรงคเสนา ยกพลมาโดยลำดับ ทรงตั้งพระทัยว่า ถ้าเห็นว่ามีกำลังพอจะบีบบังคับพระเจ้าราชาธาชได้ก็จะจัดการเอาเป็นเมืองขึ้นทันที ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนิรมิตพระกายเป็นพระเจ้าราชาธิราช ทรงเครื่องต้นสำหรับพระมหากษัตริย์อันวิจิตรงดงาม ขึ้นประทับบนรัตนบัลลังก์ในท่ามกลางมหาอำมาตย์ราชเสนาบดี พระยาชมพูบดีพร้อมจตุรงคเสนาเดินทางมาถึง โดยไม่รู้ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช่วยย่นระยะทางให้ แต่พอถึงพระนครที่นิรมิต พระยาชมพูบดีไม่ยอมลงจากหลังช้างพระที่นั่งแล้วเสด็จดำเนินด้วยพระบาทเข้าไปในเมืองตามคำทูลเชิญของมาฆสามเณร ดังนั้นมาฆสามเณรจึงแสดงอานุภาพฉุดช้างทรงให้หมอบลง พระยาชภูบดีเกรงเดชานุภาพจึงยอมเสด็จด้วยพระบาทเข้าไป ทรงทอดพระเนตรเห็นท้าวจตุโลกบาลคุมทหารพร้อมด้วยศัตราวุธรักษาพระนครก็เกรงขาม ทอดพระเนตรเห็นสรรพาวุธมากมายก็ตะลึงพระทัย จนกระทั่งถึงที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงประทับบนรัตนบัลลังก์ในฐานะพระเจ้าราชาธิราชพระยาชมพูบดีไม่ยอมถวายบังคมด้วยอำนาจมานะทิฐิอันแรงกล้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้โอกาสพระยาชมพูบดีแสดงฤทธาบารมี พระยาชมพูบดีก็แสดงฤทธาหวังจะเอาชัยชนะเป็นครั้งสุดท้าย แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าก็กำจัดอาวุธทุกอย่างของพระยาชมพูบดีหมดสิ้นไปได้ พระยาชมพูบดีสลดใจเกรงพระบารมี ต่อจากนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงธรรมเทศนา ชำระอกุศลจิตของพระยาชมพูบดีให้ผ่องใสด้วยอนุปุพพิกถา พระยาชมพูบดีสดับแล้วเกิดจิตศรัทธาเลื่อมใสถึงกับยอมมอบกายถวายชีวิตตนในพระศาสนาขอบรรพชาอุปสมบทจนสำเร็จ 
พระสุคตอนาวรญาณ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงคลายอิทธาภิสังขาร บันดาลพระนครนิรมิตให้กลับคืนเป็นเวฬุวันมหาวิหาร ส่วนพระองค์ก็กลายเพศจากพระเจ้าราชาธิราชเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรรดาอำมาตย์ราชเสนาบดีก็กลายเพศเป็นพระสงฆ์สาวกองค์พระบรมศาสดา เหล่าเทพเจ้า ตลอดจนครุฑและนาคาก็พากันกลับคืนถิ่นทิพยสถาน ต่อจากนั้นพระบรมศาสดาก็ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา ให้พระยาชมพูบดีอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ทรงจาตุปาริสุทธิศีลในพระพุทธศาสนา ดังกล่าวมาข้างต้นคือตำนานโดยย่อของพระพุทธรูปปางปราบพระยาชมพูบดี หรือบางครั้งก็เรียงปางโปรดพระยาชมพูบดี ปางทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ ที่เปี่ยมด้วยฤทธาบารมีสูงสุด เหมาะสำหรับอาราธนาติดตัวยิ่งนัก

----------------------------------------------------------------

พระสูตรที่อยากแนะนำให้หามาใช้ คือหลวงพ่อผินะวัดสนมลาว ลักษณะเป็นพระปางมหาจักรพรรดิ์ถือจักรแก้วที่พระอุระ พระปางนี้ก็คือปางเดียวกันกับปางปราบพระยาชมพูบดี โดยที่พระพุทธเจ้าเนรมิตตัวท่านเองเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ สื่อความหมายถึงความยิ่งใหญ่และความสำเร็จ ด้านล่างมีรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม อันหมายถึงการชนะอุปสรรคหมู่มารทั้งหลาย ส่วนอีกด้านเป็นรูปแม่พระโพสพ อันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกิน ส่วนด้านหลังเป็นรูปของพระสังกัจจายน์และมีหัวใจพระฉิมของพระสิวลี ด้านล่างเป็นเลขหนึ่งและสอง อันหมายถึงพระอาทิตย์และพระจันทร์ซึ่งเป็นตัวแทนของหยินกับหยางหรือกลางวันกลางคืน ส่วนเนื้อของพระจะมีสีดำเป็นเนื้อผงใบลานยุคแรกๆ ต่อมาจะเป็นเนื้อไม้มงคลผสมผงวิเศษผสมข้าวสารหินและที่สำคัญก็คือดินศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพี้ เนื้อพระจะออกเป็นสีน้ำตาลเป็นดินดิบ และที่สำคัญก็คือหลวงพ่อเคยพิสูจน์ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ทรายกรอกตาแล้วเม็ดทรายไม่เข้าตาเลยสักนิด การเอาทรายกรอกตานั้นท่านให้เอามือถ่างตาไว้เลยแล้วภาวนาคาถาของหลวงพ่อผินะเอง ส่วนทรายที่นำมากรอกตานั้นก็ใช้ระยะห่างไม่เกินคืบ พอปล่อยทรายมาปรากฏว่าฝุ่นทรายไม่เข้าตาแม้แต่เม็ดเดียว พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะท่านบอกว่าสามารถคุ้มครองคนใกล้ชิดได้เจ็ดคน โดยท่านลองให้คนนอนเรียงกันเจ็ดคน แต่มีเพียงคนเดียวที่มีพระพิมพ์พระสูตรนี้ แต่พอเอาทรายกรอกตาทั้งเจ็ดคนเม็ดทรายก็ไม่เข้าตาเลย หลวงพ่อยังเคยบอกว่าพระสูตรชื่อว่าราชาธิราช แคล้วคลาดจากภัยนาๆหากินคล่องเพราะมีหัวใจพระฉิม อยู่ในนั้นด้วย เป็นของที่คู่กับพวกมีภัยโดยแท้ ไม่ควรยืมใช้กันเด็ดขาด พระพิมพ์นี้ยังคงไม่แพงนัก ยังคงพอหากันได้ไม่ยาก ที่วัดก็อาจพอมีอยู่เช่นกัน
เรื่องราวของอภินิหารและจิตตานุภาพของหลวงพ่อผินะนั้น เป็นเรื่องที่ผู้คนกล่าวขานกันมาตลอด แต่ด้วยหลวงพ่อท่านเป็นผู้ที่ปฏิเสธสื่อต่างๆ คือไม่ยึดติดอยู่กับชื่อเสียงสรรเสริญเยินยอ ท่านจึงไม่ค่อยให้เผยแพร่แต่ก็มีบางคนที่ได้พบเห็นเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติมากมายจากหลวงพ่อท่าน เช่น ท่านเคยเสกทรายเพื่อนำไปสะกดและขับไล่อาถรรพ์ในที่ของลูกศิษย์คนหนึ่ง โดยให้นำทรายมาใส่ในถังน้ำที่มีน้ำอยู่ แล้วท่านก็ใช้มือเปล่าจุ่มน้ำ แล้วใช้จิตดูดทรายเข้ามาที่ฝ่ามือทีละกำมือ เมื่อยกมือขึ้นพ้นน้ำปรากฏว่ามือท่านแห้งสนิท หลวงพ่อผินะท่านเสกทรายแบบนี้ทีละกำมือจนทรายหมดในถังน้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2542ได้รับการบอกเล่าจากลูกศิษย์สายตรงที่รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อ บางคนบอกว่าหลวงพ่อผินะนั้นมีพลังจิตที่พิเศษเข้มแข็งเหมือนกับ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จังหวัด ชัยนาท หรือบางคนก็ว่าเหมือนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องต่างๆที่ท่านได้ปลุกเสกนั้นล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก สามารถจะดลบันดาลให้เรื่องราวต่างๆประสบแต่เรื่องดีๆในชีวิต หลวงพ่อท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าพระเครื่องและเครื่องรางของท่านต่อไปจะหายากพลิกแผ่นดิน ให้เก็บรักษาให้ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นถือว่าเป็นตัวช่วยที่เห็นผลจริงในนาทีนี้ หากไม่ฝืนกฏแห่งกรรมแล้วไซร้ ความเข้มขลังย่อมส่งผลแน่นอน