love-amulet

บทความ

รวมเรื่อง และประสบการณ์ ของ อาจารย์เปล่ง บุญยืน

21-11-2560 09:08:10น.


อ.เปล่ง บุญยืน ปัจจุบัน อายุ 90 ปี อดีตคือผู้บริหารโรงเรียน ใน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดคือเรื่องที่ผมได้รับรู้ด้วยตนเองทั้งหมด จะเล่าโดยละเอียดดังนี้ เมื่อคราว อ.เปล่ง ตอนสมัยเป็นหนุ่มๆ ท่านเคยเล่าว่า ตอนนั้นเป็นนักศึกษา ได้หลบหนีเข้าป่าเนื่องจากตอนนั้นรัฐบาลได้กวาดล้างซึ่งได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์

ท่านได้หลบหนีเข้าป่า ไปเจอ อ.ภา ซึ่งอยู่ในป่า อ.ภา มีเชื้อสายเขมรและเป็นพระที่มีวิชาอาคมขลังมาก ได้ชักชวน อ.เปล่ง ให้บวชด้วยกัน เนื่องจาก อ.เปล่งท่านกลัวว่าจะถูกทางการจับ จึงบวชและเรียนวิชาอยู่กับ อ.ภา เป็นเวลากว่า 10 ปี ท่านต้องกินใบไม้แทนข้าว นอนในถ้ำที่มีงูเห่าชุกชุม และนั่งสมาธิเป็นประจำ ท่านเล่าว่างูเยอะมากแต่ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ เพราะท่านค่อนข้างมีวิชาเหมือนกัน


และอีกอย่างยุงที่อยู่ในป่า เวลาตกตอนค่ำมา ท่านเล่าว่ามาเหมือนฝน หลังจากสำเร็จวิชาทางผงพราย จาก อ.ภา ท่านก็ธุดงค์ในป่า และชอบเก็บสะสมพวกว่านชนิดต่างๆ ผมเคยถามท่านว่าพวกผงพรายนี้ไปเอามาจากไหน ท่านบอกว่าก็เอามาจากศพนักศึกษาที่ถูกยิงตายนั่นแหละ ท่านเก็บสะสมและเสกมาเรื่อยๆ จนวันที่ท่านออกจากป่า อ.ภา ก็ขอร้องท่านให้บวชจนตายด้วยกัน แต่ท่านไม่สามารถทำได้เพราะท่านมีเมียแล้ว จึงกลับมาสมัครสอบเป็นอาจารย์อยู่ที่ อ.ท่าตูม


ด้วยความสามารถทางจิตของท่าน บางทีท่านออกจะร้อนวิชา บางวันนอนในบ้านไม่ได้ต้องออกมานั่งสมาธิหน้าบ้านใต้ต้นไม้ เมื่อท่าน อายุ ได้ประมาณ 50 กว่า ปี คนแถวนั้น เขตอีสานใต้ได้รู้ถึงกิตติศัพท์ของท่าน มีครั้งหนึ่งชาวบ้านได้เชิญท่านเป็นเจ้าพิธีในงานเปิดสะพานแม่น้ำมูล ท่านได้บริกรรมอยู่บนเรือ ขณะท่านบริกรรมอยู่นั้นได้มีปลาจำนวนมากกระโดดขึ้นเรือเป็นจำนวนมากชาวบ้านท ี่ไปร่วมพิธีเห็นหมด จึงเป็นที่เลืองลือ และท่านเคยเปิดเสื้อให้ผมดูรอยกระสุน ที่พวกคนใต้มาท้าลองยิงใส่ตัวท่าน ด้วยความเป็นนิสัยนักเลงท่านก็ถอดเสื้อให้ยิงปรากฏว่าไม่เข้า เมื่อครั้งที่ผมรู้จักท่านใหม่ๆ สมัยที่อยู่กรุงเทพ เคยได้พระปลอมที่คนบางพวกทำขึ้นมาขาย
เป็นเหตุให้ผมต้องนั่งรถไปหา อ.เปล่งที่ท่าตูม พอผมนั่งรถไปถึงที่ท่าตูม ท่านก็ออกมารับผมที่ท่ารถเพราะกลัวว่าพวกมอไซด์รับจ้างจะเอาเปรียบผม เมื่อเข้าไปในบ้านท่าน ผมจึงเอาพระให้ท่านดู พอท่านจับแป็บนึง จึงเดินเข้าไปในห้องนอนของท่าน และหยิบพระขุนแผนพร้อมทั้งขวดอิ้น มาให้ผม และบอกให้ผมลองนั่งพนมมือแล้วจับพระของท่านดู ด้วยความที่ผมไม่เคยเชื่ออะไรเลย ผมจึงทำตาม พอจับได้สักพัก ทั้งมือและแขนรู้สึกเย็นและชาสุดขั้วจึงต้องปล่อยมือออก และผมก็กลับกรุงเทพ เมื่อได้มาก็บูชา และเริ่มรู้สึกว่ามหาเสน่ห์นั้นยอดเยี่ยม จนคนในซอยที่ผมอยู่เขาเรียกผมว่าไอ้ขุนแผน หลังจากนั้นผมก็แวะเวียนไปหาท่านเรื่อย ๆ จนท่านรักเหมือนลูกหลาน เพราะผมชอบซื้อข้าวของไปฝากผู้ใหญ่ และท่านเคยบอกกับทุกคนว่า ถ้า อุกฤษ อยากเอาอะไร ผมก็ขัดไม่ได้
เพราะปกติท่านชอบเรียกผมอุกฤษ (ผมชื่อ กฤษณ์) ท่านจะแทนตัวเองว่าผมเสมอ


เมื่อกลับมาอยู่ที่ขอนแก่นผมจึงไปหาท่านอีกและไปเอากุมารทองมาบูชา ด้วยความปากเสียของผมเองจึงบอกกุมารไปว่า ให้มานั่งเฝ้าพ่อหน่อยลูก พอตกดึกมา ก็ปรากฏว่ามาจริงๆ ไม่ได้หลับ จนผมเกิดความกลัว มันมีอยู่จริงครับของแบบนี้ และที่รุ่นพี่ก็เคยโดนหลอกทั้ง 2 คนจนนอนไม่ได้ และผมก็มารู้ทีหลังว่า จากการที่ผมสอบถาม อ.เปล่ง ท่านเล่าว่า กุมารทองทำขึ้นจากผงพราย และท่านเสกแบบอัดยัดเข้าไป ถ้าจะเรียกกุมารพวกนี้ว่ากุมารจรจัดก็ว่าได้เพราะเฮี้ยนและแรงน่าดู ท่านบอกว่าเวลาเสกตัวไหนดิ้นได้ ท่านจะหยิบออกจากกลุ่ม (เสกครั้งละประมาณ 4-5 ตัว) และเสกไปทุกวัน ท่านจะเสกในเวลาหลังเที่ยงคืนจนถึงเช้า และตอนที่ท่านเสกท่านบอกว่าท่านเชิญทั้งเทพและครูบาอาจารย์ เวลาเสกจะมีเสียงเด็กวิ่งวนอยู่รอบห้องพิธีเป็นจำนวนมาก บางครั้งมันก็มาเล่นดินทราย เล่นรถอยู่หน้าบ้าน ของที่ท่านทำจะเสกอยู่ประมาณเป็นเดือน คืออัดเข้าไปจนเต็ม และท่านบอกว่าส่วนมากที่พวกเกจิทำพระขุนแผนไม่ขลังเพราะเสกกันไม่ค่อยเป็น พระขุนแผนเป็นพระที่ทำยาก เสกยาก บางครั้งผมก็เห็นพระเณรมาขอบูชาวัตถุมงคลของท่าน และบางครั้งก็หอบพระมาให้ท่านเสกซ้ำอีกทีหนึ่ง (ขนาดเป็นท่านเป็นฆราวาส) เพราะทุกคนยอมรับในวิชาไสยเวทย์ของท่าน หลวงพ่อและหลวงปู่ที่ท่านยอมรับและนับถือว่าเก่งๆนั้นก็มีหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ หลวงปู่พรหมมา จ.อุบล ฯ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม (เรื่องลงนะหน้าทอง)


พระหรือวัตถุมงคลที่ท่านสร้างนั้น มวลสารหลักๆคือผงพราย และผมเคยถามท่านว่าดียังไง ท่านบอกว่า ถ้าใครโดนของมา พวกพรายมันจะดึงออกให้ และกันของได้ด้วย อีกทั้งเป็นมหาเสน่ห์อย่างแรง ท่านบอกว่าใช้พระท่านนั้นคุ้มตัวได้แน่นอน และให้ติดตัวตลอดเวลา เคยมีบางคนโดนอุบัติเหตุแต่กลับไม่เป็นอะไรเลยมีเยอะครับ ถ้าเป็นทหาร ตำรวจไปขอพระท่าน ท่านจะให้ฟรีๆ
ของบางอย่างที่ท่านให้มา ผมต้องเอาไปคืนเพราะเฮี้ยนจัด เช่นลูกกรอก หนังกระดูกหน้าผากมีถึง 5-6 ตัว อัดในกรอบอันเดียว ในบางครั้งพวกที่เป็นร่างทรง หรือพวกที่ฝึกสมาธิจิต จะชอบเห็นพรายที่อยู่ในวัตถุมงคลประจำ บางคนเคยเรียนทางไสยเวทย์พอลองจับดู ก็บอกว่า ของแรงมาก ถ้าท่านได้ไปรู้ไปเห็นเอง แล้วจะรู้ว่า พระท่านหรือวัตถุมงคลของท่านนั้นน่าใช้ขนาดไหน ปกติแล้วผมไม่ค่อยเชื่อถืออะไรง่ายๆ แบบนี้ แต่ต้องยอมรับนับถือในวิชาอาคมที่ อ.เปล่ง เสก สำหรับประสบการณ์นั้นเรื่องผู้หญิงเยอะจริงเล่าไม่หมดครับ ลองคิดดูว่าทำไมวัดต่างๆต้องนำมาให้ท่านเสกของให้ทั้งที่ท่านเป็นแค่ฆราวาสธ รรมดา ท่านบอกผมว่า พระที่ท่านทำนั้นมวลสารทุกอย่างต้องดี ไม่ใช่เอาแต่ปูนไปผสม บางครั้งท่านเคยพูดว่าเดี๋ยวนี้เกจิอาจารย์ เสกแค่แป็บเดียว (2 ชม.) แล้วเอาไปใช้ไม่ได้ผล นั้นมีมากมาย เพราะลูกศิษย์บ้าง อาจารย์ไม่เก่งจริง แต่เชียร์เยอะ ท่านบอกว่าถ้าไม่แน่จริงพระท่านคงไม่แพงขนาดนี้หรอก แต่ความเป็นอยู่ของท่านนั้น ท่านจะกินง่ายๆ กินได้ทุกอย่าง ถ้าท่านไม่ได้ไปไหนท่านก็จะอยู่บ้าน คนจากทางไกลจะมาบูชาพระท่านก็เยอะ ผมเคยถามว่าถ้าใช้ขุนแผนของท่านจะเป็นยังไง ท่านตอบผมว่า เมียเยอะ ขุนแผนท่านบอกว่า เสกต้องเอาให้ครบ คือ เป็นมหาเสน่ห์ คงกระพัน และเป็นนักปรัชญา และท่านบอกว่าให้ใช้พรายมันเอา เพราะมันมีตัวมีตนจริงๆ (ของหลวงปู่ทิมก็เช่นกัน) มีครั้งหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้จักได้โทรมาเล่าให้ผมฟังว่า เค้าเขาไปถามร้านที่ขายของจำพวกมหาเสน่ห์ คนขายเจ้าของร้านบอกว่า ถ้าน้องหาของ อ.เปล่งมาใช้ ของในร้านพี่ทั้งหมด ไม่ต้องใช้เลย ซึ่งผมก็รับฟังมาอย่างนั้น และบางคนด้วยความไม่เชื่อ ผมก็แนะนำ ให้เอาไปเช็คกะคนที่นั่งทางในเก่งๆแต่ลองเอาอะไรปิดให้มิดชิดจับดู ส่วนมากก็จะบอกว่าเห็นเด็กอยู่ข้างในบ้าง ซึ่งผมเคยทดสอบมาแล้ว บางคนบอกว่าแรงกว่าพระกรุด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องทั้งหมดท่านครับ

 

ปล.ขอขอบคุณท่าน navy4467 เจ้าของเรื่องครับ

 

ขณะนี้ทางร้านเหลือ รัก-ยม ของท่านมีจำนวนจำกัดครับ